1.อย่าลืมวัดขนาดของเตียงก่อนไปเลือกซื้อที่นอน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาในการเลือกซื้อที่นอนมาผิดไซส์ ผิดขนาด นอกจากนี้ควรศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวกับส่วนประกอบของที่นอนไว้บ้าง จะได้ไม่ถูกทางร้าน เชียร์สินค้าที่ดูเกินจริง
2.ที่นอนจะนอนสบายเหมาะสมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้นอน ลองเปรียบเทียบ ความสบาย และการรองรับของที่นอนที่ร้าน กับที่นอนของตัวเองเพื่อหาที่นอนที่เหมาะที่สุด ทำการทดลองนอนลงไปบนที่นอนที่จะซื้อ ในท่านอนปกติเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที เพื่อทดสอบความหนาแน่น นุ่มสบาย โอบรับสรีระของตัวเราเองได้อย่างเหมาะสมดีหรือไม่
3.เลือกวัสดุหลักที่ใช้ในการผลิตที่นอน ซึ่งที่นอนที่ดีควรมีลักษณะระดับความนุ่ม หรือแน่นหนาที่พอดี ไม่นุ่มหรือแน่นเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสรีระของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งถ้าคุณได้ทดลองนอนดูแล้วไม่เกิดอาการปวดหลังที่นอนไม่นิ่มยวบมากจนเกินไป โอบรับสรีระได้ดี ไม่เกิดอาการเมื่อยตัว ถือที่นอนนั้นเหมาะสมสำหรับคุณ และควรเลือกที่นอนที่มีความยาวมากกว่าความสูงของตัวเองอย่างน้อย 15 ซม. เพื่อป้องกันการนอนตกที่นอนอีกด้วย
4. ควรตรวจสอบละเอียดเงื่อนไขการรับประกัน และต้องมีใบรับประกันพร้อมประทับตราและวันที่เริ่มรับประกัน สคบ. เอง มีการกำหนดให้มีการแจ้งรายละเอียด ราคา วัสดุที่ใช้ ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย ติดไว้ที่ที่นอนทุกหลังเพื่อสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภค
5. สอบถามผู้ขายด้วยว่าสามารถพับงอที่นอนได้หรือไม่ มากน้อยขนาดไหน เพื่อป้องกันที่นอน เสียหายในระหว่างการขนย้ายมาส่งให้กับคุณ
6. การใช้ความร้อนทำความสะอาดเครื่องนอนซักด้วยน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที
– สามารถกำจัดมูลของไรฝุ่นได้
– การซักผ้า จะช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี เพราะมูลไรละลายน้ำการคลุมด้วยผ้าป้องกันไรฝุ่น
– วิธีการนี้เป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อลดการสัมผัสกับไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ การใช้ ผ้ากันไรฝุ่นที่มีประสิทธิภาพ เช่น พลาสติก หรือ ผ้าทอแน่นที่มีรูห่างของผ้าเล็กกว่ามูลไร (10ไมโครเมตร) หุ้มที่นอน/หมอน ทำให้สามารถกั้นมูลไม่ให้ฟุ้งออกจากเครื่องนอนมาสัมผัสเรา มีผลให้ลดการสูดดมลงได้ แต่การใช้ผ้ากันไรฝุ่นไม่ได้ช่วยลดปริมาณตัวไรแต่อย่างใด
Leave a reply